
วันนี้ไปที่ร้าน Settler's Cafe มา เล่นตั้งหลายเกม แต่เอาเกมนี้ละกันเพราะจำชื่อได้อยู่เกมเดียว 555
เกมDragon Deltaรู้สึกจะเป็นเกมของเยอรมัน แต่ทำออกมาสไตล์จีนๆ เป็นเกมที่ใช้คนเล่น 2-6 คน กระดาน+ตัวเดิน แล้วก็อื่นๆสวยดี พอตอนต่อสะพาน ก็ทำให้ดูแล้วน่าสนใจมากขึ้น
เกมนี้เล่นกันหลายคน ได้social fun ดีตามลักษณะของboard gameทั่วไป
โอ๊ะ ...ไปหามาจากในเวป เค้าเล่นกันแบบนี้ด้วยนะเนี้ย

แล้วนี่ก็คือก้นกล่อง555 กราฟฟิกสวยดี

ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอยกข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆมาโปะหน่อยละกัน
เกมนี้ออกแบบโดย- Roberto Fraga
มีชื่ออื่นด้วยเรียกว่า -Drachen Delta
-Les Dragons du Mekong
เวลาเล่นโดยประมาณ ก็...30 นาที (เค้าบอกไว้ว่างั้น) แต่เล่นจริงๆนี่นานกว่านั้นแน่ๆ ไม่จบซะที
objective ของเกมนี้ง่ายๆคือแค่เดินไปยังฝั่งตรงข้ามให้ได้แค่นั้นเอง แต่วิธีการจะไปถึงนี่ยากชะมัดเลย
สถานที่เล่นของเกมนี้ก็ต้องเป็นที่ๆกว้างและstableประมาณนึงเพราะเล่นกันหลายคน แล้วการต่อสะพานลงไปบนboard ก็เป็นอะไรที่ sensitiveมากๆ ล้มได้ง่ายๆเลย ก็เลยเพิ่มข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ไม่ได้ต่างจาก board gameทั่วไปนัก
rules เป็นอะไรที่ซับซ้อนติ๊ดนึง หลักๆคือสร้างสะพานไปยังฝั่งตรงข้ามให้ได้ โดยแต่ละคนจะได้สะพานจำนวนนึง กับไพ่ที่บอกactionต่างๆไว้ ไพ่จะเป็นตัวกำหนดว่าตานั้นๆเราจะทำอะไร โดยเลือกไพ่ออกมาก่อน 5 ใบ (ต้องใช้การคาดคะเน วางแผน ล่วงหน้าพอสมควร) แล้วเปิดทีละใบ ใบที่เปิดในรอบนั้นๆคือactionที่เราจะทำ เช่น สร้างสะพาน , สั่งหยุด, ดึงสะพานออก, เดิน ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีกฏยิบย่อย เช่น ถ้ามีคนขวางอยู่ข้างหน้าแล้วเราได้ตาเดิน ก็จะต้องตกน้ำ กลับมาที่จุดเดิม หรือตอม่ออันนึงรับสะพานได้แค่สามอัน อะไรทำนองนั้น เลยทำให้ไปไม่ถึงฝั่งซักที ตรงนี้อาจจะเรียกว่าเป็นconflictของเกมที่ทำให้มันสนุกขึ้น เพราะเราไม่สามารถควบคุมได้ ต้องอาศัยดวง มีความไม่แน่นอนสูง แต่ว่า ผลปรากฎว่าพอเล่นไปนานๆแล้วทุกคนเริ่มอยากให้เกมจบๆซะที ตรงนี้คิดว่าอาจจะเป็นเพราะ conflict มากไป หน่อยก็ได้มั๊ง
procedure ก็คือทำ actionตามไพ่ที่เปิด เช่น หยิบสะพานออก, เดินตัวหมาก, สร้างสะพาน เป็นต้น
resource ก็คือสะพานที่มีมาให้จำกัด แล้วก็หินตอม่อ รวมไปถึงไพ่ในมือที่เราจะเลือกเพื่อมาเปิด เนื่องจากเป็นเกมใช้สมองอย่างแรง การบริหารresourceที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงของเกมนี้
outcome ก็คือถ้าใครถึงฝั่งตรงข้ามก่อนก็จะชนะ ..
posted by parpampam at Friday, December 15, 2006
ที่มา ขอขอบคุณ :
http://parpampam.blogspot.com/2006/12/12-14-2006.html